ก้าวแรกของการได้ชีวิตใหม่ ก็คือการมีเป้าหมายชีวิต ที่จะคิดเป็นเส้นตรง ซึ่งไม่ใช่การตั้งเป้าว่าจะเอาอะไรที่ภายนอก แต่เป็นการตั้งเป้าเอาจิตใหม่ ใจใหม่ข้างใน เป็นสำคัญ

ถ้าชื่นชมยินดีกับคนอื่นเป็น ใจก็เปิดรับสุขของคนอื่น ขยายขอบเขตความสุข ได้มากกว่าชีวิตของตัวเอง แต่เมื่อริษยาคนอื่นอยู่ ใจจะปิดแคบเป็นทุกข์ เพิ่มแรงกดดันอันเป็นทุกข์ ได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่เดิม

คิดยอมรับตามจริง จิตแย่ ก็ยอมรับว่าแย่ จิตสว่างขึ้นนิดหนึ่ง ก็ยอมรับว่าสว่างขึ้นนิดหนึ่ง จิตคลาย ก็ยอมรับว่าจิตคลาย จิตกลับมาแย่อีก ก็ยอมรับว่าแย่อีก เท่านี้แหละ สติก็เกิดขึ้น

ที่จะชนะกรรมเก่าได้ ต้องชนะกันด้วยใจอย่างเดียว ถ้าใจเรา... ไม่ถือมั่น อภัยง่าย อยากให้มากกว่าอยากเอา ทุกข์ก็น้อยลงทันที และสุขจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป เราจะเอาชนะกรรมเก่าให้ได้ด้วยการไม่ยอมมันครับ ต่อให้ร้ายมาแค่ไหน เราจะดีกลับให้จงได้

ถ้ารู้จักใครที่ ตอนเด็ก 'ถูกบีบ' ให้เป็นคนแบบหนึ่ง หนุ่มสาว 'เลือก' จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แก่ชรา 'กลับกลาย' เป็นอีกแบบหนึ่ง ใกล้ตาย 'อยาก' เป็นอีกแบบหนึ่ง ก็นับว่าคุณได้เห็นตัวอย่าง ของผู้อยู่บนเส้นทางธรรม อันมีผลให้ชีวิตหน้า พลิกไปพลิกมาแล้ว

ทั้งชีวิตนี้ คุณจะไม่พบ 'เจ้านายดีๆ' ที่ก้าวขึ้นมาจากการ เป็น 'ลูกน้องแย่ๆ' เลย ในชีวิตนี้ คุณ 'เลือกเป็น' ลูกน้องดีๆ เพื่อที่จะไม่ต้องเป็น เจ้านายแย่ๆได้

การยอมรับตามที่มันเกิด จะทำให้เกิดสติ รู้ตามจริงว่ามีสภาวะอกุศลอยู่ในจิต สติ จะมาแทนที่อกุศลธรรม ประดุจความสว่างขับไล่ความมืด สิ่งที่จะรู้สึกตามมา คือเห็นว่าภาวะอกุศลนั้นเป็นของจรมา ไม่ใช่สมบัติดั้งเดิมของคุณ และไม่ใช่ตัวคุณอย่างที่ทึกทักมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งเห็นบ่อย ยิ่งกระจ่างชัด

เมื่อสำเหนียกได้ว่า อาการปล่อยความคิดไปเรื่อยนั้น..เหมือนฝัน ส่วนการรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรนั้น..เหมือนตื่นจากฝัน เราจะเห็นความคิด ที่ผ่านมาทั้งหมด เหมือนความฝัน เราฝันอยู่ตลอดไม่ได้ ในที่สุดต้องตื่น และเห็นความฝันสลายไป

ต่อให้เป็นศัตรูตัวฉกาจ ก็ไม่มีทางทำร้ายคุณได้บ่อยๆ มีแต่ความคิดในหัวตัวเองเท่านั้น ที่ทำร้ายคุณได้ทุกนาที

ความคิดที่ดีที่สุดของมนุษย์ คือความคิดที่ชักนำใจ ให้มารู้ มาดู ความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่ใช่ตัวตนของกายใจได้ วิธีกำจัดความคิดร้ายๆ ไม่มีอะไรดีไปกว่า ตามรู้จนยอมรับได้จริงๆว่า มันมาเอง คุณไม่ได้เชิญ และมันไม่ใช่คุณ

จะแก้ความหลงสิ่งใดก็ตาม ต้องเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งนั้น

ว่างเพื่อจะกลับมา เห็นความวุ่น ไม่ใช่ว่างเพื่อจะ ยึดความว่าง จิตที่เอาไว้ล้างกิเลส คือจิตที่รู้วุ่นหลังว่าง คือจิตที่รู้ว่าวุ่นไม่นานก็ซาไป คือจิตที่รู้ว่าสิ่งใดแปรไป สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตน

ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน และถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นเต็มเหนี่ยว ก็โยงจิตผูกเวรได้แน่นเหนียว อาจจะมีแรงกระตุ้นกลับ ‘ให้ต้องมาเจอกัน!’ สาปแช่งคนที่คุณเกลียดไว้อย่างไร แนวโน้มคือคุณจะได้ร่วมทางกรรมกับเขาอย่างนั้น แต่เกลียดใคร แล้วถอนความเกลียดเสียได้ แนวโน้มคือคุณจะแยกทางกรรมกับเขาไปเลย

ทุกภาวะอารมณ์อันเป็นลบ เป็นประโยชน์ เป็นเครื่องออกกำลังสติได้เสมอ ยิ่งมันมาบ่อยเท่าไร ยิ่งออกกำลังได้บ่อยขึ้น และยิ่งออกกำลังบ่อยขึ้นเท่าไร สติก็ยิ่งเจริญขึ้นเท่านั้น

ก้าวแรกของการได้ชีวิตใหม่ ก็คือการมีเป้าหมายชีวิต ที่จะคิดเป็นเส้นตรง ซึ่งไม่ใช่การตั้งเป้าว่าจะเอาอะไรที่ภายนอก แต่เป็นการตั้งเป้าเอาจิตใหม่ ใจใหม่ข้างใน เป็นสำคัญ

เมื่อรู้กายใจว่าไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเดิม เพราะทนอยู่ในภาวะใดภาวะหนึ่งแน่นอนไม่ได้ ในที่สุดก็เกิดอัตโนมัติของสติ รู้ความเป็นกายใจว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่เคยเป็นตัวใครมาแต่ไหนแต่ไร

ยามสูญเสีย ความเศร้าซึมจะทำให้รู้สึกสูญหายเนิ่นนาน อาการสติแตกจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น ส่วนการคงสติไว้ รู้สึกถึงธรรมดาของความไม่เที่ยงรอบด้าน ไม่ต่างจากที่รู้สึกได้ในลมหายใจเข้าออกของตนเอง จะทำให้ใจไม่เสีย หรืออย่างน้อยไม่ทำให้เสียใจเกินจริง

หลายครั้งคนเราติดอยู่ในหลุมดำทางความคิด เพียงเพราะวนเวียนอยู่กับความเคยชินเดิมๆ พฤติกรรมง่ายๆเดิมๆ หรือกระทั่งความมักง่ายเก่าๆ พอหลุดจากความจำเจง่ายๆ ชีวิตก็กลายเป็นความท้าทาย ที่ทำลายหลุมดำทางความคิดได้ไม่ยาก

กรรมทางวาจา ปรากฏที่จิตเป็นสำคัญในทันที ไม่ต้องรอชาติหน้ามาพิสูจน์ ยิ่งสะสมวจีทุจริตมากขึ้นเพียงใด ใจยิ่งฟุ้งซ่านไม่เป็นสุขมากขึ้นเท่านั้น

โทษของการยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทั้งที่เขาไม่อยากให้ยุ่ง คือ ยุ่งในหัว ทั้งที่ตัวเองไม่อยากให้ยุ่ง